วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560



สุดยอดอาหารแหล่งโปรตีน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เวย์โปรตีน


เวย์โปรตีน

          เวย์โปรตีนคือ 1 ใน 2 ของโปรตีนที่พบได้ในนม อีกชนิดหนึ่งคือคาเซอิน โปรตีน โดยเวย์โปรตีนมีปริมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ที่พบอยู่ในนม แม้จะมีอยู่น้อย แต่ประโยชน์ของมันมีมาก เพราะร่างกายเมื่อรับเวย์โปรตีนเข้าไป จะถูกย่อยสลายง่ายและซึมซับเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจำเป็นต่อร่างกายมากในการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อภายในหลังจากการออกกำลัง เพราะในเวย์โปรตีนอุดมไปด้วยกลูตามีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่พบมากที่สุดในกล้ามเนื้อ ที่จะช่วยให้ป้องกันกล้ามเนื้อไม่ให้เกิดอักเสบระหว่างออกกำลังกาย ทั้งนี้เวย์โปรตีนสามารถพบได้ในริคอตต้าชีสอีกด้วย

  คาเซอิน โปรตีน

          คาเซอีน โปรตีน คือโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่พบในนมถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แม้จะพบได้มากกว่าเวย์โปรตีน แต่คุณสมบัติต่างกัน เพราะคาเซอิน โปรตีน ย่อยช้ากว่าหลายเท่า แต่นั่นก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเช่นกัน เพราะมันจะค่อย ๆ เพิ่มความสมดุลระหว่างการฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้มีการวิจัยออกมาว่าการบริโภคคาเซอิน โปรตีนก่อนนอนจะเห็นผลลัพธ์ดีที่สุด

   โปรตีนจากเนื้อไก่

          เนื้อไก่ที่เรากินอยู่ทุกวัน เป็นแหล่งกำเนิดชั้นดีของกรดอะมิโนที่จำเป็นต่าง ๆ ในร่างกาย โดยการกินอกไก่หนึ่งชิ้นจะได้รับโปรตีน 54 กรัม และกรดอะมิโนลิวซีน 4 กรัม กรดอะมิโนลิวซีนจะทำหน้าที่ยับยั้งการสลายตัวของกล้ามเนื้อ เร่งการย่อยอาหารให้เร็วขึ้น และเพิ่มพลังงานในการออกกำลังกาย นอกจากอกไก่แล้ว ส่วนต้นขาของไก่ก็ให้โปรตีนคล้ายกัน แต่จะได้รสชาติที่ไม่เหมือนกัน เนื่องจากระดับของไขมันในเนื้อไก่แต่ละส่วนมีไม่เท่ากัน

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
 โปรตีนถั่ว

          โปรตีนถั่วเป็นโปรตีนอีกอย่างหนึ่งที่ย่อยได้ง่าย โดยภายในมีสารเสริมสร้างกล้ามเนื้อระดับสูงที่จำเป็น เช่น กรดอะมิโนกลูตามีนและกรดอะมิโน BCAA (Branched-Chain Amino Acids) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โปรตีนชนิดนี้ไม่มีสารที่คอยยับยั้งการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุในระหว่างการย่อยอาหาร ซึ่งในโปรตีนถั่วจะพบกรดอะมิโนอาร์จีนีน เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายในการสร้างกล้ามเนื้ออีกด้วย        

 โปรตีนถั่วเหลือง

          โปรตีนประเภทนี้สกัดมาจากถั่วเหลืองที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นอยู่หลายชนิด เช่น กรดอะมิโนกลูตามีน อาร์จีนีน วาลีน ไอโซลิวซีน และลิวซีน ที่มีความสามารถในการสร้างกล้ามเนื้อเหมือนเวย์โปรตีน แต่จะพบลิวซีนน้อยกว่าประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ แหล่งที่พบได้ทั่วไปของโปรตีนถั่วเหลืองคือ เต้าหู้ ถั่วแระ และอาหารเสริมโปรตีนจากถั่วเหลือง อย่างไรก็ตามคุณสมบัติในการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนจะหายไปในขั้นตอนการผลิตอาหารเสริมจากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยป้องกันโรคระบบหลอดเลือดและหัวใจ โดยยับยั้งการจับตัวของเม็ดเลือด

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เนื้อวัว
   โปรตีนจากเนื้อวัว
          เนื้อวัวเป็นอาหารที่พบโปรตีนและมีกรดอะมิโนมากถึง 8 ชนิด ได้แก่ ไอโซลิวซีน ลิวซีน ไลซีน เมทิโอนีน ฟินิลลาลานีน ทรีโอนีน ทริปโตฟาน และวาลีน นอกจากนี้ยังมีสารอาหารหลัก ๆ ที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เช่น สารครีเอทีนและแร่ธาตุสังกะสี ไม่เพียงเท่านี้ เนื้อวัวจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้ามีไขมันโอเมก้า 3 มากกว่าเนื้อวัวธรรมดา ซึ่งมีผลดีต่อสมอง การไหลเวียนของเลือด และป้องกันการอักเสบของเซลล์ภายในร่างกายอีกด้วย

   โปรตีนจากเมล็ดควินัว
          เมล็ดควินัว (Quinoa) เมื่อดูจากภายนอกจะมีรูปร่างคล้ายข้าวสาลี ในเมล็ดควินัวมีกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ครบทั้ง 9 ชนิด ซึ่ง 8 ชนิดแรกเหมือนที่ได้จากเนื้อวัว อีกชนิดหนึ่งคือ ฮิสติดีน ที่จำเป็นต่อระบบประสาท เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับข้าวกล้องในปริมาณที่เท่ากัน เมล็ดควินัวจะให้โปรตีนมากกว่า 3 กรัม


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แซลมอน
   โปรตีนในเนื้อปลาแซลมอน
          แม้ว่าโปรตีนในเนื้อปลาแซลมอนจะมีน้อยกว่า เนื้อไก่  เนื้อวัว หรือเนื้อไก่งวง แต่เนื้อปลาแซลมอนมีไขมันโอเมก้า 3 ที่ประกอบไปด้วยกรด EPA และ DHA  มากกว่า ทั้งนี้การเลือกกินแซลมอนมีความสำคัญเช่นกัน เพราะแซลมอนที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มจะมีไขมันโอเมก้า 6 มากกว่า แต่มีโอเมก้า 3 น้อยกว่าปลาแซลมอนที่ตกจากแม่น้ำโดยตรง 

   โปรตีนไข่ไก่
          จากการวิจัยพบว่าโปรตีนไข่ไก่ช่วยให้ระบบการดูดซึมสารอาหารในร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการกินไข่ไก่ ควรกินทั้งไข่แดงและไข่ขาว เพราะในไข่ไก่หนึ่งฟองประกอบไปด้วยกรดอะมิโน BCAA อยู่ 1.3 กรัม และกรดอะมิโนลิวซีน 0.5 กรัม ซึ่งมีมากกว่าแหล่งอาหารประเภทอื่นที่ให้โปรตีนในอัตราส่วนที่เท่ากัน นอกเหนือจากโปรตีนแล้ว ไข่ไก่ยังมีวิตามินดีและคอเลสเตอรอล ซึ่งช่วยการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทั้งนี้หากวันไหนมีการกินไข่ ควรเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น เครื่องในสัตว์ ปลาหมึก กุ้ง หนังเป็ด และหนังไก่ เป็นต้น เพราะในไข่ไก่ 1 ฟองมีคอเลสเตอรอลอยู่แล้วประมาณ 210 มิลลิกรัม ซึ่งขณะที่ร่างกายเรานั้นต้องการแค่ 300 มิลลิกรัมต่อวัน
 

          โปรตีนในข้าวกล้อง

          ข้าวกล้องที่หุงสุกแล้วจะมีโปรตีน 5 กรัมต่อหนึ่งถ้วย เมื่อเทียบกับแหล่งอาหารจำพวกพืชด้วยกันแล้ว ข้าวกล้องมีสารอาหารจำพวกวิตามินบี ธาตุเหล็ก เกลือแร่ และแคลเซียม มากเป็นอันดับสองต่อจากเมล็ดควินัวเท่านั้น เพราะในข้าวกล้องไม่มีกรดอะมิโนไลซีนเพียงชนิดเดียว และมีผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทมปา ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าโปรตีนจากข้าวชนิดต่าง ๆ จะให้ประโยชน์เหมือนกับเวย์โปรตีน เมื่อกินหลังจากออกกำลังกายเสร็จ

         โปรตีนจากเนื้อไก่งวง

          เนื้อไก่งวงสีขาวมีไขมันในโปรตีนน้อยที่สุด โดยมีโปรตีนมากถึง 32 กรัม ต่อการกินเนื้อไก่งวง 100 กรัม รวมถึงวิตามินบี 3 ที่ช่วยควบคุมไขมันในร่างกาย วิตามินบี 6 ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และมีแร่ธาตุซีลีเนียมจำนวนมาก ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งอีกด้วย 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


ใครที่ต้องการอาหารเพื่อเพิ่มโปรตีนให้ร่างกาย เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ อาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยโปรตีนที่ต้องการ อีกทั้งยังมีไขมันต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดหุ่นอีกด้วยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2560



5 ท่าเด็ด สร้างซิกแพคให้ฟิต แน่น เฟิร์ม


Plank


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


ท่านี้จะเป็นการเพิ่มความแน่นให้กล้ามท้อง โดยเริ่มจากนอนคว่ำบนพื้นราบ ตั้งศอกขนานกับพื้นกำหรือแบมือคว่ำลงก็ได้ โดยที่ต้นแขนต้องตั้งฉากกับลำตัว ส่วนขาหลังชิดกันเหยียดตรงและยกตัวขึ้นมาให้เกร็งหน้าท้องไว้ประมาณ 30 – 60 วินาที


Side Plank

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


ท่านี้จะเป็นการบริหารกล้ามท้องด้านข้างนอนตะแคง ให้เราตั้งข้อศอกขนานกับลำตัว ยืดขาออก วางขาขนานกัน แขนแนบข้างลำตัวบริหารท่าครั้งละ 10 – 12 ครั้งต่อเซ็ต ทำสลับกันระหว่างด้านซ้ายและขวา ประมาณ 3 – 5 เซ็ต


Bicycle Crunches

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Bicycle Crunches


ท่านี้จะเป็นการบริหารกล้ามเนื้อท้องด้านหน้า โดยเริ่มจากนอนหงายบนพื้นราบ ขาสองข้างเหยียดตรง จากนั้นใช้มือยกศีรษะเหนือจากพื้น จากนั้นทำการบริหารด้วยการสลับขางอเข้าและเหยียดตรงเหมือนกำลังปั่นจักรยานบนอากาศ ซึ่งขณะที่งอเข่าเข้าหาลำตัวให้บิดตัวให้ข้อศอกด้านตรงข้ามชนกันมากที่สุด โดยให้ทำติดต่อกัน 10 – 12 ครั้งต่อเซ็ต ทำสลับกันระหว่างด้านซ้ายและขวา ประมาณ 3 – 5 เซ็ต


Reverse Crunches

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Reverse Crunches


ท่านี้จะเป็นการบริหารกล้ามท้องเนื้อทั้งแผง การทำให้เรานอนหงาย ขายกสูงจากพื้น การบริหารท่านี้จะเริ่มจาก ยกขาเข้าหาลำตัวให้มากที่สุดพร้อมกับเกร็งหน้าท้องตลอดเวลาพร้อมกับยกไหล่ให้เหนือจากพื้น โดยให้ทำติดต่อกัน 10 – 12 ครั้งต่อเซ็ต ประมาณ 3 – 5 เซ็ต


Lowe Abs

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Reverse Crunches


ท่านี้จะเป็นการบริหารหน้าท้องช่วงล่าง โดยให้เรานอนราบ ยกขาขวาขึ้นพร้อมกับเกร็งหน้าท้อง จากนั้นให้ยกขาซ้ายตาม ให้ขาทั้งสองข้างชิดกันและยกค้างไว้ประมาณ 10 วินาที โดยที่ขณะยกขาและเกร็งหน้าท้องให้หายใจออก จากนั้นค่อยๆ วางขาขวาลงตามด้วยขาซ้ายพร้อมกับหายใจเข้า ทำเช่นนี้สลับกันครั้งละ 3 – 5 เซ็ต



CR Men.MThai 





21 ประโยชน์ที่สุดยอดของอัลมอนด์ (Almond)


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อัลมอนด์


อัลมอนด์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Prunus dulcis (Mill.) D.A.Webb (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Prunus amygdalus Batsch) จัดอยู่ในวงศ์กุหลาบ (ROSACEAE) และเป็นพืชพื้นเมืองในตะวันออกกลางและเอเชียใต้
ถั่วอัลมอนด์ เป็นถั่วที่มีคุณค่าทางสารอาหารต่อร่างกายสูงกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ มาก และยังติด 1 ใน 10 ของสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพอีกด้วย ถ้าคุณได้เห็นคุณค่าทางโภชนาการของถั่วชนิดนี้เทียบกับผักและผลไม้ชนิดอื่น ๆ แล้วคุณจะต้องตกใจ เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้น และแถมยังมีปริมาณที่มากเสียด้วย
อัลมอนด์ อ้วนไหม ? คงเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนคงสงสัย เพราะถ้าดูตามปริมาณไขมันในถั่วชนิดนี้ต่อ 100 กรัมแล้ว คุณอาจจะต้องตกใจ เพราะมันมีไขมันมากถึง 49.42 กรัม (เยอะมาก) แต่น่าประหลาดใจที่มันสามารถช่วยลดน้ำหนักและความอ้วนได้จริง ๆ หากรู้จักรับประทานในปริมาณเหมาะสมและสม่ำเสมอ โดยจากการศึกษาของ International Journal of Obesity พบว่าผู้ที่รับประทานอัลมอนด์วันละ 70 เมล็ดอัลมอนด์จะช่วยลดรอบเอวได้ถึง 7 นิ้ว !! ซึ่งมากกว่าผู้ที่ไม่รับประทานถึง 2 นิ้ว ทั้งนี้เป็นเพราะว่าการรับประทานอัลมอนด์จะช่วยลดการทานจุบจิบหรือขนมขบเคี้ยว และลดระดับไขมันเลวได้เป็นอย่างดี
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อัลมอนด์

ประโยชน์ของอัลมอนด์

  1. อัลมอนด์มีประโยชน์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
  2. ช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ดี
  3. ประโยชน์ของอัลมอนด์ ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
  4. ช่วยบำรุงระบบประสาท และช่วยเพิ่มสติปัญญาและสมาธิให้มากขึ้น
  5. ช่วยในการทำงานของสมอง ช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์
  6. ช่วยเสริมสร้างเซลล์และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ เส้นผม เล็บ ฯลฯ
  7. การรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายได้ถึง 50%
  8. ในเปลือกอัลมอนด์มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่สามารถทำงานร่วมกับวิตามินอี ในการช่วยปกป้องผนังหลอดเลือด จึงทำให้ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ (งานวิจัยจาก Tufts University)
  9. ช่วยบำรุงและเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
  10. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้ถึง 30-50% เพราะช่วยในการหลั่งอินซูลินหลังอาหาร ทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดที่เพิ่มขึ้นถูกดูดซึมเก็บไว้ที่ตับและเนื้อเยื่ออื่น ๆ จึงมีผลทำให้สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
  11. อัลมอนด์ลดน้ําหนัก จากงานวิจัยหลายอย่างระบุว่า ผู้ที่รับประทานถั่วหรืออัลมอนด์เป็นประจำ จะมีน้ำหนักตัวลดลงโดยเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่ไม่เคยรับประทานถั่ว โดยผู้ที่รับประทานถั่วอัลมอนด์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ร้อยละ 31% พบว่ามีน้ำหนักตัวที่ลดลง ถึงแม้ว่าถั่วอัลมอนด์จะมีไขมันที่สูงมากก็ตาม (บทความจาก WHFoods)
  12. อัลมอนด์ลดความอ้วน ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) และลดระดับไขมันเลว (LDL) ในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยงานวิจัยจากสถาบันชั้นนำในอเมริกาและยุโรปพบว่า การรับประทานอัลมอนด์วันละ 1 หยิบมือจะช่วยลดระดับไขมันเลวได้ถึง 4.4% แต่ถ้ารับประทานวันละ 2 หยิบมือก็จะช่วยลดระดับไขมันเลวได้ 9.4%
  13. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
  14. ช่วยป้องกันอาการท้องผูก เนื่องจากอัลมอนด์มีเส้นใยอาหารในปริมาณมาก มันจึงช่วยในการขับถ่ายและป้องกันอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี
  15. ช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่ว จากฐานข้อมูลจาก Nurses’ Health Study จากผู้หญิงกว่า 80,000 รายแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงที่รับประทานถั่วอย่างน้อย 1 ออนซ์ต่อสัปดาห์จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนิ่วได้ถึง 25%
  16. อัลมอนด์เป็นถั่วที่มีโปรตีนสูงมาก ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างความเจริญเติบโต ให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยรักษาสมดุลของกรดด่างในร่างกาย ฯลฯ
  17. เมล็ดอัลมอนด์ มีโพสแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นตัวช่วยในการควบคุมความดันโลหิต
  18. การรับประทานอัลมอนด์จะช่วยลดการกินจุบจิบ และการรับประทานทุกวันก็จะช่วยระงับความหิวได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นการไดเอ็ตไปด้วยในตัวเลยทีเดียว
  19. สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องน้ำหนักตัว คุณสามารถรับประทานถั่วอัลมอนด์แทนของหวานหรือขนมขบเคี้ยวในระหว่างวันได้อย่างสบายใจ นอกจากจะไม่ทำให้อ้วนแล้วยังได้คุณค่าจากธรรมชาติไปเต็ม ๆ และยังช่วยลดน้ำหนักไปในตัวด้วย
  20. นอกจากนี้อัลมอนด์ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะถั่วชนิดนี้อุดมไปด้วยกรดโฟลิกที่จำเป็นอย่างมากสำหรับเด็กทารกในครรภ์
  21. เมล็ดอัลมอนด์สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง เช่น อัลมอนด์อบเกลือ อัลมอนด์อบเนย คุกกี้อัลมอนด์ เค้กอัลมอนด์ น้ำมันอัลมอนด์ ฯลฯ


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง



ข้อมูลโดยเว็บไซต์(MedThai)





วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560


15 วิธีลดความอ้วนอย่างง่าย สำหรับสาวที่ไม่ค่อยมีเวลา

 ถ้าพูดถึงเรื่องการลดน้ำหนัก เชื่อว่าสาวๆส่วนมากก็อยากจะดูแลหุ่นของตัวเองให้ดูเฟิมและสวยตลอดเวลา แต่ไม่ว่าจะภารกิจและการทำงานในแต่ละวันนั้น ก็กินเวลาไปซะเต็มวัน บางคนเลิกงานเย็นบางก็มืดค่ำ หมดไปกับหนึ่งวันที่ต้องกิน ต้องทำงาน แต่ไม่ได้ออกกำลังกาย น้ำหนักและความอ้วนจึงเข้ามาเยือน ต่อจากนี้ไปสาวๆที่อยากจะมีหุ่นสวยทำได้โดยไม่ต้องออกกำลังกายมาก และยังไม่เสียเวลาการทำงานอีกด้วย มาดูวิธีลดน้ำหนักง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องใช้เวลามากกันดีกว่า

1. จิบคาเฟอีนสักนิด
     คาเฟอีนจะช่วยเพิ่มความสามารถในการเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่แทนที่จะดื่มกาแฟที่มีน้ำตาลเยอะ ลองหันมาจิบชาแทนจะดีกว่าครับ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดื่มชา

2. งดกินแป้งสัก 2 วัน
     หากการไม่กินแป้งทุกวันมันทำยากเกินไป สาวๆ อาจจะลดเป็น 2 วันต่อสัปดาห์ก็ได้ ซึ่งแม้จะเป็นการงดแป้งเพียง 2 วัน แต่ก็ช่วยให้สาวๆ ลดน้ำหนักได้ดีกว่าที่คิด
3. เคี้ยวหมากฝรั่งบ่อยๆ
     การเคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยให้สาวๆ อยากอาหารน้อยลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่แนะนำว่าควรเลือกหมากฝรั่งที่น้ำตาลน้อย
4. กินอาหารเผ็ด
     อาหารเผ็ด อย่างเมนูอาหารไทยๆ ของบ้านเรานี่ล่ะค่ะ คือตัวช่วยลดน้ำหนักชั้นยอด เพราะการกินอาหารที่มีรสเผ็ดจะช่วยให้กระบวนการเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึ่มทำงานได้ดีขึ้นถึง 23 เปอร์เซ็นต์
5. เปลี่ยนมานั่งลูกบอลออกกำลังกาย
     การนั่งเฉยๆ ดูโทรทัศน์บนโซฟา ไม่ช่วยให้ผอมลงได้ สาวๆ ลองหันมานั่งบนลูกบอลออกกำลังกาย ที่จะทำให้คุณได้ออกกำลังกายไปในตัวดีกว่า เพราะลูกบอลนี้จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 260 แคลอรีต่อวันเลยที่เดียว
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ลูกบอลออกกําลังกาย

6. ขยับเท้าเวลานั่ง
     ระหว่างที่นั่งทำงาน อย่าปล่อยให้เท้าอยู่เฉย เพราะการขยับเท้าหรือขยับร่างกายเวลานั่งจะช่วยเบิร์นแคลอรีได้มากกว่าการนั่งเฉยๆ ถึง 100 แคลอรีเลยทีเดียว
7. ออกกำลังกายวันละ 10 นาที
     การออกกำลังกายแค่เล็กๆ น้อยๆ เพียงวันละ 10 นาที ให้เหงื่อได้ออกพอประมาณ ก็ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้เป็นชั่วโมงแล้ว การเดินแกว่งแขนก็ช่วยเบิร์นไขมันและลดพุงได้เช่นกัน
8. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
    ในช่วงวันหยุดจากการทำงาน ให้ลองออกจากบ้านหรือลุกขึ้นมาออกกำลังกายสัก 2 วันต่อสัปดาห์ แค่นี้ก็ช่วยลดน้ำหนักได้มากกว่าเดิมถึง 3 เท่าเลย
9. เลิกเครียด
     ใครที่ชอบนั่งเคร่ง เครียดกับงานที่ทำตลอดเวลา หยุดด่วนๆ เลยครับ เพราะผู้หญิงที่เครียดมีแนวโน้มที่จะเผาผลาญพลังงานได้น้อยกว่าผู้หญิงที่มีสุขภาพจิตดีถึง 104 แคลอรีเลยล่ะ!
10. จิบเบียร์วันละนิด
     สาวนักดื่มคงยิ้มร่ากับการลดความอ้วนวิธีนี้ เพราะการจิบเบียร์ 2 แก้วต่อวันจะช่วยชะลอการแตกตัวของไขมันได้ถึง 73 เปอร์เซ็นต์ ระวังจะเมาถ้าจิบเกิน
11. ดื่มน้ำก่อนกินอาหาร
     การดื่มน้ำจะช่วยให้สาวๆ รู้สึกอิ่มและลดอาการอยากอาหารได้ดีเลยล่ะ แถมยังเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้สาวๆ กินอาหารมากเกินขนาดอีกด้วย
12. กินดาร์คช็อคโกแลตเป็นของหวาน
     แทนที่จะเลือกขนมหรือคุกกี้ที่มีน้ำตาลอย่างอัดแน่นมากินเป็นของหวาน แนะนำให้หยิบดาร์คช็อคโกแลตสักชิ้นมากินจะดีกว่า เพราะนอกจากจะมีน้ำตาล ตัวการของความอ้วนในปริมาณน้อยแล้ว ยังช่วยทดแทนพลังงานที่ต้องใช้ได้อีกด้วย
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กินดาร์กช็อค อ้วนไหม

13. อย่าปล่อยท้องหิวมากไป
     การปล่อยให้หิวมากเกินไป เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้สาวๆ กินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรกินให้ตรงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ค
14. กินมื้อเย็นให้เร็วขึ้น
     ใครที่ชอบกินดึกๆ แนะนำควรที่จะหยุดครับ เพราะสาวๆ ควรกินมื้อเย็น อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอน และไม่ควรกินมากเกินไป เพราะจะทำให้ระบบย่อยทำงานผิดปกติได้
15. นอนให้มากขึ้น
     การอดนอนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สาวๆ กินมากขึ้นระหว่างวัน ฉะนั้นควรนอนให้เพียงพออย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เพราะนี่คือวิธีที่ง่ายและช่วยให้การลดน้ำหนักของสาวๆ ได้ผลดีที่สุด
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผญ นอน

วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2560



    9 วิธีดูแลผิวให้ดูดี อ่อนกว่าวัย หล่อขั้นเทพตลอดเวลา

     วันนี้จะมาแนะนำการดูแลผิวคุณผู้ชายให้ดูดี ดูอ่อนกว่าวัย และดูหล่อขั้นเทพ ในแบบฉบับ Lowells กันครับ ต้องยอมรับครับว่าปัจจุบันนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำลายผิว รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้ผิวผู้ชายหมองคล้ำ เกิดรอยเหี่ยวย่น ส่งผลให้ผู้ชายหลายคนดูหน้าแก่กว่าวัย รวมทั้งตัวผมเองด้วย5555 เห็นอย่างนี้แล้วผมจึงไม่รอช้าครับ ผมจึงได้หันมาใส่ใจดูแลตัวเองในแบบผู้ชายมาปฏิบัติดู แล้วมันได้ผลครับ ทำให้เราดูดีและมั่นใจมากขึ้น ดูหนุ่มขึ้นแน่นอนครับ มาดูกันว่า 9 วิธีการดูแลผิว เพื่อความก้าวหน้าและดูดีของผู้ชาย หล่อขึ้นเทพเป็นอย่างไร

1. ล้างหน้าให้สะอาด
       การล้างหน้าให้สะอาดเป็นเรื่องยากสำหรับหนุ่มๆ บางคน เริ่มจาก “การล้างหน้าหลังจากการอาบน้ำทุกครั้ง” เพราะการชอบอะไรที่ง่ายๆ ของคุณผู้ชาย คือ อันไหนก่อนหลังไม่สำคัญ แต่ใครจะทราบว่าเวลาที่คุณสระผมและใช้คอนดิชันเนอร์หลังการสระ สารเหล่านี้อาจตกค้างอยู่บนใบหน้าของคุณ บางคนแทบจะใช้แชมพูร่วมกับการล้างหน้าไปในคราวเดียวกัน ขอเตือนว่าหลีกเลี่ยงการล้างหน้าแบบประหยัดเช่นนี้ เพราะนั่นจะทิ้งสารเคมีตกค้างไว้ที่ผิวหน้าของคุณแน่นอน ที่สำคัญสำหรับหนุ่มๆ ที่ทำงานหนัก หรือเที่ยวดึก กลับมาถึงบ้านก็แทบจะเช้าแล้ว ขอแนะนำให้ล้างหน้าก่อนนอน ข้อนี้ต้องทำให้ได้ เพราะตลอดวันคุณต้องเจอทั้งมลพิษต่างๆ มากมาย พอกลับถึงบ้านก็นอนเลยยิ่งสะสมความสกปรกไปกันใหญ่

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดูแลผิว ผู้ชาย

2. ผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ
       ข้อดีของการผลัดเซลล์ผิวคือ ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วมอบความกระจ่างใสให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ การโกนหนวดของผู้ชายทุกวันก็ถือเป็นการผลัดเซลล์ผิวอย่างหนึ่ง แล้วส่วนอื่นๆ บนใบหน้าล่ะเราจะทำอย่างไร? วิธีง่ายๆ ก็คือเวลาอาบน้ำเราก็ผลัดเซลล์ผิวตามใบหน้าและลำคอ ด้วยการใช้มือถูกไปมาคล้ายการขัดขี้ไคล หรือจะใช้ผลิตภัณฑ์สครับหน้า ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้การผลัดเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ซึ่งเมล็ดสครับจะมีประสิทธิภาพในการขัดที่ดี ค่อยๆ ถูครีมสครับอย่างเบามือทั่วบริเวณใบหน้า ต้องถูให้เบามือ เพราะถ้าหากหนักมือไปหน่อยจะทำให้เกิดการระคายเคืองจนเกิดแผลและสิวขึ้นได้ ขัดประมาณ 3-4 นาที แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดเบาๆ จนหมด แล้วค่อยใช้น้ำเย็นล้างหน้าซ้ำอีกครั้งเพื่อปิดรูขุมขน หลังจากใช้สครับสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการเติมเต็มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ควรจะมีการบำรุงผิวด้วยครีมบำรุง เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้นเอาไว้ด้วย


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดูแลผิว ผู้ชาย

 3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว
       นุ่มๆ หลายคนที่ชอบใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือครีมบำรุงผิวไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกายของแฟนหรือภรรยา นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะความแตกต่างของฮอร์โมนส่งผลให้ผิวพรรณของผู้หญิงและผู้ชายมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเรียบเนียน ความยืดหยุ่น กระชับตึง ฮอร์โมนของผู้ชายจะมีผลอย่างชัดเจนกับผิว ทำให้ผิวของผู้ชายดูแข็งแรงและหนากว่า เพราะฉะนั้นเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือครีมบำรุงผิวที่มีคุณภาพไม่ดีพอ เนื้อครีมจึงไม่ซึมเข้าชั้นผิวหนังและทำให้คงความเหนียว เหนอะหนะ และก่อเกิดความมันบนใบหน้า ดังนั้นการดูแลผิวของผู้ชาย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเพื่อผิวผู้ชายโดยเฉพาะ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ถึงสภาพผิวของแต่ละคนเพื่อจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดูแลผิว ผู้ชาย


4. ควรใช้ครีมกันแดด
       ไม่ว่าจะช่วงนี้หรือช่วงไหนๆ บ้านเราร้อนขึ้นแดดแรงขึ้นทุกวัน ดังนั้น ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็นไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะครีมกันแดดจะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวของคุณหมองคล้ำ หรือเหี่ยวก่อนวัยอันควร สำหรับคุณผู้ชายมือใหม่ที่เริ่มจะหัดใช้ครีมกันแดด เราก็มีความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับครีมกันแดดมาให้หนุ่มๆ ได้ทำความรู้จักกันก่อน ตัวย่อ “SPF” ที่เราเห็นทั่วไปในครีมกันแดดเป็นค่าชี้วัดว่าเราสามารถอยู่กลางแสงแดดได้นานแค่ไหน โดยที่ไม่รู้สึกร้อนหรือแสบบริเวณผิว เช่น ครีมกันแดดที่มี SPF 15 จะช่วยปกป้องเราจากแสงแดดได้นาน 15 เท่า และเมื่ออยู่กลางแดดมากๆ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงขึ้น “UVA และ UVB” ถ้าเขียนไว้ว่ามี “UVA” หมายถึง ครีมกันแดดนั้นมีคุณสมบัติป้องกันกระ ฝ้า และป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย แต่ถ้าเขียนไว้ว่ามี “UVB” หมายถึงครีมกันแดดนั้นมีคุณสมบัติป้องกันอาการแพ้ แดง แสบ และไหม้ของผิวหนัง เพียงเท่านี้หนุ่มๆ ก็สามารถเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับตัวเองได้แล้ว


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
  5. โกนหนวดด้วยที่โกนหนวดไฟฟ้า
       สำหรับหนุ่มๆ นั้นการโกนหนวดถือเป็นกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำ หลายครั้งในช่วงเวลาที่เร่งรีบใบมีดโกนหนวดก็อาจบาดผิวหนังจนเกิดบาดแผลได้ ที่โกนหนวดไฟฟ้าจึงเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยป้องกันผิวของคุณจากการระคายเคือง หากผิวของคุณแพ้ง่าย มีปัญหาสิว และไม่จำเป็นต้องโกนหนวดให้เกลี้ยงเกลานัก ให้ลองหันมาใช้เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า เพราะใบมีดจะอยู่ห่างจากผิวพอสมควร ซึ่งจะช่วยลดอาการระคายเคืองได้ และเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าอย่างดีก็ยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นเพื่อให้ผิวของคุณเนียนนุ่มได้อีกด้วย


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

6. ออกกำลังกายเป็นประจำ
       การออกกำลังกาย เป็นการนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย ซึ่งออกซิเจนเหล่านี้จะทำหน้าที่ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสร นอกจากนี้ ยังกระตุ้นระบบไหลเวียนของเหลวในร่างกาย ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้เร็วขึ้น นำพาสารอาหารไปสู่เซลล์ผิว การออกกำลังกายจึงเป็นวิธีที่ดีที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ส่งผลให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง และมีเลือดฝาด การสูญเสียเหงื่อขณะออกกำลังกายยังเป็นการขับถ่ายสารพิษหรือของเสียออกจากร่างกาย และยังช่วยทำความสะอาดรูขุมขนที่อุดตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผิวและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ควรหาเวลาออกกำลังให้สม่ำเสมอ แม้ว่าคุณผู้ชายจะไม่มีเวลาไปฟิตเนสทุกวัน แค่การเดินเร็วๆ ก็ถือเป็นการออกกำลังกายด้วยเช่นกัน


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ออกกําลังกาย ผู้ชาย

  7. กินอาหารที่ดีมีประโยชน์
       ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ผักและผลไม้เป็นอาหารบำรุงผิวชั้นเยี่ยม เราควรรับประทานผักผลไม้ และดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ เพราะการจะมีผิวที่ดีเกิดจากการไหลเวียนเลือดที่ดี สามารถลำเลียงอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย บำรุงผิวหนังและอวัยวะอื่นๆ ผลไม้จะช่วยทำให้ผิวหนังยืดหยุ่น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส และควรทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินอี เช่น ธัญพืชต่างๆ เพราะจะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนป้องกันแผลเป็นได้ ที่สำคัญเราควรลดอาหารประเภททอด เพราะอาหารทอดจะไปชะลอการไหลเวียนโลหิต ซึ่งจะทำให้เลือดส่งไปหล่อเลี้ยงผิวของคุณได้น้อยลง จนทำให้ผิวเสียได้


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
8. ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ
       การดื่มน้ำนอกจากจะทําให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสแล้ว ยังทําให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทํางานได้ดีอีกด้วย ในทุกๆ วัน ร่างกายจะต้องสูญเสียน้ำผ่านทางการหายใจและการขับถ่าย จึงเป็นสิ่งที่จําเป็นมากที่ต้องรับน้ำเข้าไปเพื่อทดแทนส่วนที่เสียไป และสําหรับปริมาณน้ำที่ควรดื่มให้ได้ภายใน 1 วันเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองแล้ว คุณผู้ชายควรดื่มให้ได้วันละ 3 ลิตร หรือประมาณ 13 แก้ว เป็นอย่างน้อย


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดูแลผิว ผู้ชาย  

9. นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
       การนอนหลับอย่างเพียงพอ จะช่วยชะลอผิวจากความร่วงโรยและไม่ทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัย ทำให้คุณตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง สดใส เพราะผิวจะมีกระบวนการซ่อมแซมตัวเองตามธรรมชาติในขณะที่เรานอนหลับ ดังนั้นการนอนที่มีประสิทธิภาพควรจะนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง และควรเข้านอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม เพราะในช่วงเวลานี้จะเริ่มมีการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ทั้งอวัยวะภายในและภายนอก ดังนั้นเมื่อภายในดี ภายนอกก็จะดีตามไปด้วย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นอน ผูชาย